มัฟฟิน ไม่ใช่เค้ก

มัฟฟิน รูปร่างหน้าตาที่เราๆท่านๆคุ้นเคย จะมีลักษณะเป็นถ้วยๆคล้ายๆคัพเค้ก ความคล้ายกันจนหลายคนเข้าใจว่าเป็นคัพเค้กเสียด้วยซ้ำ แต่ความจริงคือ ขนมปังแบบด่วน

มัฟฟิน
ภาพโดย Gundula Vogel จาก Pixabay

ประวัติของ มัฟฟิน มาจากไหน

เป็นที่เข้าใจได้ว่า มัฟฟิน มีความเกี่ยวพันมากจากขนมปังกรีกโบราณ “มาพุลา” หรือเค้กที่อบบนเตาไฟหรือแผ่นเหล็ก และยังมีบางส่วนมาจากฝรั่งเศษ”มูเพน” ขนมปังนุ่ม ซึ่งทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับขนมปังบางอย่างทั้งสิ้น

มัฟฟินช็อกโกแล็ต
ภาพโดย congerdesign จาก Pixabay

มัฟฟิน เป็นขนมปังด่วน

ขนมที่นิยมทำใส่ถ้วยลักษณะคล้ายคัพเค้กชนิดนี้ แต่ไม่ใช่คัพเค้กแน่นอน สามารถทำได้หลายแบบให้เลือกทั้ง หวานและคาว เช่น มัฟฟินขาวโพด มัฟฟินบลูเบอรี่ ช็อคโกแล็ตชิฟ

มัฟฟินจัดอยู่ในหมวดขนมปังเป็นหลัก เพราะโดยพื้นฐานคือการเอาแป้งขนมปัง และเศษขนมปังมาคลุกเคล้ารวมกันแบบง่ายๆ ไม่ต้องพิถีพิถันมาก เน้นเสร็จเร็วกินง่าย เก็บรักษาได้ไม่ยาก เอาไว้กินเป็นอาหารเช้าแบบด่วนๆของคนแถวยุโรปและอเมริกา

มัฟฟินกับคัพเค้กต่างกันอย่างไร

มัฟฟินพื้นฐานเป็นขนมปัง จึงมีทั้งแบบที่เป็นของคาว และของหวาน แม้รูปทรงต่างๆจะคล้ายกับคัพเค้ก แต่ความต่างคือเนื้อของมัฟฟินจะหยาบกว่า และความต่างที่ชัดเจนอีกด้านคือ คัพเค้ก ทำจากแป้งเค้กเป็นหลักมักมีน้ำตาลไอซิ่งโรยหน้าเพื่อความสวยงาม ข้อนี้จึงต่างกันแบบชัดเจน

muffin
ภาพโดย congerdesign จาก Pixabay

ประวัติศาสตร์เริ่มแรก

สูตรสำหรับมัฟฟินที่ใช้ยีสต์ ได้พบในตำราอาหารอเมริกันสมัยศตวรรษที่ 19 และยังพบได้ในตำราอาหารที่ มีอายุมากกว่า ในหนังสือสอนทำอาหารในโรงเรียนสอนทำอาหารในบอสตันของ Fannie Farmerในหนังสือจะพบสูตรมัฟฟินทั้งสองแบบ ทั้งแบบที่ใช้ยีสต์ในการปั้นแป้งและแบบที่ใช้ทำขนมปังแบบเร็ว ลักษณะการทำมัฟฟินในสมัยก่อน จะใช้การอบแบบ ขนมปัง

จนในช่วงหลังที่มีการะพัฒนาไปหลากหลายรูปแบบ จนทำให้เกิดการทำมัฟฟินที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับคัพเค้กในปัจจุบัน

สูตรและวิธีการทำ มัฟฟินช็อกชิฟ

โดยพื้นฐานของมัฟฟินเป็นขนมปัง สูตรที่นำเสนอนี้จึงใช้แป้งขนมปังในการทำ มีขั้นตอนง่ายๆ ไม่ยุ่งยากเพราะเน้นด่วนไว กินง่าย

วัตถุดิบน้ำหนัก กรัม
แป้งขนมปังตราห่าน150
ผงฟู4.5
วนิลาผง7
เนยสด150
น้ำตาลทรายมิตรผล150
ไข่ไก่เบอร์13ฟอง
ช็อกโกแล็ตชิพ130
มัฟฟิน

วิธีการทำ ง่ายๆไม่ยุ่งยาก

มัฟฟินคือขนมปังด่วน การทำจึงต้องด่วนง่ายโดยเริ่มจาก

  • ร่อนแป้ง ขนมปังที่เตรียมเอาไว้
    • การทำขนมเค้ก ขนมปัง ทุกครั้งจำเป็นต้องร่อนแป้ง การร่อนแป้งช่วยได้หลายอย่าง แยกสิ่งแปลกปลอม เพิ่มความละเอียดของแป้ง เพิ่มอากาศเข้าไปในแป้งได้ ช่วยให้ขนมอร่อยมากยิ่งขึ้น
  • ใส่ผงฟูและวนิลาที่เตรียมเอาไว้
    • ผสมจนเข้ากันได้ทั่วทั้งหมด
    • พักเอาไว้ รอนำไปใส่ในส่วนของเนย
  • ตีเนยสดจนอ่อนตัวพอสมควร โดยใช้หัวตีใบไม้
    • การเลือกใช้หัวตีแต่ละชนิดเป็นเรื่องสำคัญ จำเป็นต้องใช้ให้ถูกต้องเสมอ
  • ใส่น้ำตาลทราย และตีต่อไปโดยใช้ความเร็วปานกลาง ตีจนน้ำตาลเนยขึ้นฟูพอสมควร
    • ใส่ไข่ไก่ทีละฟองจนหมดตีผสมให้เข้ากัน
  • ใส่แป้งที่พักเอาไว้ในส่วนของเนย โดยใช้ความเร็วในการตีต่ำ ใส่ไปจนหมด
  • ใส่ช็อกโกแล็ตชิฟลงไป แต่เหลือไว้โรยหน้านิดหน่อย ตีผสมจนเข้ากันดีทั้งหมด
  • นำไปแช่เย็นไว้หลายชั่วโมง สามารถแช่ข้ามคืนหรือเกิน 6 ชั่วโมงก็ได้เช่นกัน

เปิดเตารอไว้ล่วงหน้า

การทำขนมทุกชนิดจำเป็นต้องเปิดเตารอปรับอุณหภูมิไว้ล่วงหน้าทุกครั้ง โดยการอบมัฟฟิน จะอบที่ความร้อน 190-200องศาC โดยในขณะที่เปิดเตาอบรอไว้ล่วหน้า ก็ได้เวลาเริ่มผสมแป้ง ซึ่งจะใช้เวลาไม่มาก

ภาพโดย -Rita-👩‍🍳 und 📷 mit ❤ จาก Pixabay

มัฟฟินใส่ถ้วยปาเนตโทน

หลังจากพักแป้งไว้หลายชั่วโมงแล้ว นำมาตักใส่ถ้วยหรือพิมพ์ โดยทั่วไปนิยมใส่ถ้วยปาเนตโทน โดยตักใส่ลงไปประมาณ 3ส่วน4ของถ้วย ไม่ควรใส่เนื้อมัฟฟินที่ยังไมอบเยอะเกินไป ต้องมีส่วนที่เหลือของถ้วยสำหรับให้เนื้อเค้กขึ้นฟูด้วย

การใส่เนื้อแป้งมัฟฟินมากเกินไป หลังจากอบเสร็จแล้วเค้กจะล้นออกจากถ้วยไม่สวยงาม เมื่อตักส่วนผสมทั้งหมดเสร็จแล้ว นำเข้าเตาอบที่เตรียมอุณหภูมิไว้ล่วงหน้าแล้ว อบเป็นเวลาประมาณ 15 นาที หรือจนสุก

ทดสอบว่ามัฟฟินสุกแล้ว

การดูด้วยตาอาจจะรู้ได้ว่ามัฟฟินที่อบนั้นสุกแล้ว อาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้ วิธีง่ายๆที่นิยมใช้กันคือ ใช้ไม้จิ่มฟัน จิ่มเข้าไปในเนื้อเค้ก หรือมัฟฟินที่อบ ถ้าไม่มีเนื้อแป้งเหนียวติดออกมาก็เป็นอันสุกใช้ได้

นำออกจากเตาวางบนตะแกรง

ขอให้คิดไว้เสมอว่า อย่าใจร้อน ถ้าขนมยังไม่เย็นสนิทแล้วห้ามเก็บใส่กล่องเป็นอันขาด เมื่อนำออกจากเตา ให้วางไว้บนตะแกรงในที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ปล่อยให้มัฟฟินเย็นตัวลงแบบสนิท จะนำเสิร์ฟหรือนำมาเก็บไว้ในตู้เย็นก็สามารถทำได้

การเก็บมัฟฟินที่อบเสร็จแล้ว

มัฟฟินที่อบเสร็จแล้ว และขั้นตอนการผลิตที่สะอาดสามารถเก็บได้หลายวันโดยไม่ต้องแช่เย็น มีวิธีการดังนี้

  • เตรียมกล่องเก็บอาหารแบบสูญญากาศ
  • นำกระดาษทิชชูแบบหนาเรียบวางลงที่ก้นกล่อง
  • วางมัฟฟินที่จะเก็บ ใส่เรียงลงไปไม่ควรเรียงทับซ้อนกัน
  • วางกระดาษทิชชู่แบบหนาเรียบ ทับด้านบนอีกชั้นหนึ่ง
  • ปิดฝาให้สนิท

การทำตามขั้นตอนนี้โดยทั่วไปสามารถเก็บรักษามัฟฟินไว้ได้หลายวันโดยไม่ต้องแช่เย็น การนำไปแช่เย็นจะทำให้มัฟฟินเสียรสชาติได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องเก็บแบบนานๆหน่อยก็ควรแช่เย็นหรือแช่แข็งได้เลยเช่นกัน ห่อกระดาษและใส่ถุงซิบล็อค วิธีการนี้สามารถเก็บรักษาได้นานกว่า 2 เดือน

การนำมัฟฟินที่แช่แข็งมากิน เพียงนำออกมาวางที่อุณหภูมิห้องให้คลายความเย็น แล้วอุ่นด้วยไมโครเวฟที่ความร้อนต่ำๆเพียงเล็กน้อยก็สามารถกินมัฟฟินอร่อยๆได้แล้ว

ภาพโดย Matthias Böckel จาก Pixabay

สรุป

มัฟฟินเป็นขนมที่ทำไม่ยาก ขั้นตอนไม่ยุ่งยากเลย วัตถุดิบก็น้อย สำคัญอร่อย กินง่าย เก็บรักษาง่าย การหัดทำจึงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับมือใหม่ หากมีปัญหาสามารถสอบถามได้โดยตรง ที่ 0897747566

wellplated.com/how-to-store-muffins-and-other-quick-breads/

https://en.wikipedia.org/wiki/Muffin#History

Scroll to Top