มัฟฟิน รูปร่างหน้าตาที่เราๆท่านๆคุ้นเคย จะมีลักษณะเป็นถ้วยๆคล้ายๆคัพเค้ก ความคล้ายกันจนหลายคนเข้าใจว่าเป็นคัพเค้กเสียด้วยซ้ำ แต่ความจริงคือ ขนมปังแบบด่วน
- ประวัติของ มัฟฟิน มาจากไหน
- มัฟฟิน เป็นขนมปังด่วน
- มัฟฟินกับคัพเค้กต่างกันอย่างไร
- สูตรและวิธีการทำ มัฟฟินช็อกชิฟ
- วิธีการทำ ง่ายๆไม่ยุ่งยาก
- การเก็บมัฟฟินที่อบเสร็จแล้ว
ประวัติของ มัฟฟิน มาจากไหน
เป็นที่เข้าใจได้ว่า มัฟฟิน มีความเกี่ยวพันมากจากขนมปังกรีกโบราณ “มาพุลา” หรือเค้กที่อบบนเตาไฟหรือแผ่นเหล็ก และยังมีบางส่วนมาจากฝรั่งเศษ”มูเพน” ขนมปังนุ่ม ซึ่งทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับขนมปังบางอย่างทั้งสิ้น
มัฟฟิน เป็นขนมปังด่วน
ขนมที่นิยมทำใส่ถ้วยลักษณะคล้ายคัพเค้กชนิดนี้ แต่ไม่ใช่คัพเค้กแน่นอน สามารถทำได้หลายแบบให้เลือกทั้ง หวานและคาว เช่น มัฟฟินขาวโพด มัฟฟินบลูเบอรี่ ช็อคโกแล็ตชิฟ
มัฟฟินจัดอยู่ในหมวดขนมปังเป็นหลัก เพราะโดยพื้นฐานคือการเอาแป้งขนมปัง และเศษขนมปังมาคลุกเคล้ารวมกันแบบง่ายๆ ไม่ต้องพิถีพิถันมาก เน้นเสร็จเร็วกินง่าย เก็บรักษาได้ไม่ยาก เอาไว้กินเป็นอาหารเช้าแบบด่วนๆของคนแถวยุโรปและอเมริกา
มัฟฟินกับคัพเค้กต่างกันอย่างไร
มัฟฟินพื้นฐานเป็นขนมปัง จึงมีทั้งแบบที่เป็นของคาว และของหวาน แม้รูปทรงต่างๆจะคล้ายกับคัพเค้ก แต่ความต่างคือเนื้อของมัฟฟินจะหยาบกว่า และความต่างที่ชัดเจนอีกด้านคือ คัพเค้ก ทำจากแป้งเค้กเป็นหลักมักมีน้ำตาลไอซิ่งโรยหน้าเพื่อความสวยงาม ข้อนี้จึงต่างกันแบบชัดเจน
ประวัติศาสตร์เริ่มแรก
สูตรสำหรับมัฟฟินที่ใช้ยีสต์ ได้พบในตำราอาหารอเมริกันสมัยศตวรรษที่ 19 และยังพบได้ในตำราอาหารที่ มีอายุมากกว่า ในหนังสือสอนทำอาหารในโรงเรียนสอนทำอาหารในบอสตันของ Fannie Farmerในหนังสือจะพบสูตรมัฟฟินทั้งสองแบบ ทั้งแบบที่ใช้ยีสต์ในการปั้นแป้งและแบบที่ใช้ทำขนมปังแบบเร็ว ลักษณะการทำมัฟฟินในสมัยก่อน จะใช้การอบแบบ ขนมปัง
จนในช่วงหลังที่มีการะพัฒนาไปหลากหลายรูปแบบ จนทำให้เกิดการทำมัฟฟินที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับคัพเค้กในปัจจุบัน
สูตรและวิธีการทำ มัฟฟินช็อกชิฟ
โดยพื้นฐานของมัฟฟินเป็นขนมปัง สูตรที่นำเสนอนี้จึงใช้แป้งขนมปังในการทำ มีขั้นตอนง่ายๆ ไม่ยุ่งยากเพราะเน้นด่วนไว กินง่าย
วัตถุดิบ | น้ำหนัก กรัม |
---|---|
แป้งขนมปังตราห่าน | 150 |
ผงฟู | 4.5 |
วนิลาผง | 7 |
เนยสด | 150 |
น้ำตาลทรายมิตรผล | 150 |
ไข่ไก่เบอร์1 | 3ฟอง |
ช็อกโกแล็ตชิพ | 130 |
วิธีการทำ ง่ายๆไม่ยุ่งยาก
มัฟฟินคือขนมปังด่วน การทำจึงต้องด่วนง่ายโดยเริ่มจาก
- ร่อนแป้ง ขนมปังที่เตรียมเอาไว้
- การทำขนมเค้ก ขนมปัง ทุกครั้งจำเป็นต้องร่อนแป้ง การร่อนแป้งช่วยได้หลายอย่าง แยกสิ่งแปลกปลอม เพิ่มความละเอียดของแป้ง เพิ่มอากาศเข้าไปในแป้งได้ ช่วยให้ขนมอร่อยมากยิ่งขึ้น
- ใส่ผงฟูและวนิลาที่เตรียมเอาไว้
- ผสมจนเข้ากันได้ทั่วทั้งหมด
- พักเอาไว้ รอนำไปใส่ในส่วนของเนย
- ตีเนยสดจนอ่อนตัวพอสมควร โดยใช้หัวตีใบไม้
- การเลือกใช้หัวตีแต่ละชนิดเป็นเรื่องสำคัญ จำเป็นต้องใช้ให้ถูกต้องเสมอ
- ใส่น้ำตาลทราย และตีต่อไปโดยใช้ความเร็วปานกลาง ตีจนน้ำตาลเนยขึ้นฟูพอสมควร
- ใส่ไข่ไก่ทีละฟองจนหมดตีผสมให้เข้ากัน
- ใส่แป้งที่พักเอาไว้ในส่วนของเนย โดยใช้ความเร็วในการตีต่ำ ใส่ไปจนหมด
- ใส่ช็อกโกแล็ตชิฟลงไป แต่เหลือไว้โรยหน้านิดหน่อย ตีผสมจนเข้ากันดีทั้งหมด
- นำไปแช่เย็นไว้หลายชั่วโมง สามารถแช่ข้ามคืนหรือเกิน 6 ชั่วโมงก็ได้เช่นกัน
เปิดเตารอไว้ล่วงหน้า
การทำขนมทุกชนิดจำเป็นต้องเปิดเตารอปรับอุณหภูมิไว้ล่วงหน้าทุกครั้ง โดยการอบมัฟฟิน จะอบที่ความร้อน 190-200องศาC โดยในขณะที่เปิดเตาอบรอไว้ล่วหน้า ก็ได้เวลาเริ่มผสมแป้ง ซึ่งจะใช้เวลาไม่มาก
มัฟฟินใส่ถ้วยปาเนตโทน
หลังจากพักแป้งไว้หลายชั่วโมงแล้ว นำมาตักใส่ถ้วยหรือพิมพ์ โดยทั่วไปนิยมใส่ถ้วยปาเนตโทน โดยตักใส่ลงไปประมาณ 3ส่วน4ของถ้วย ไม่ควรใส่เนื้อมัฟฟินที่ยังไมอบเยอะเกินไป ต้องมีส่วนที่เหลือของถ้วยสำหรับให้เนื้อเค้กขึ้นฟูด้วย
การใส่เนื้อแป้งมัฟฟินมากเกินไป หลังจากอบเสร็จแล้วเค้กจะล้นออกจากถ้วยไม่สวยงาม เมื่อตักส่วนผสมทั้งหมดเสร็จแล้ว นำเข้าเตาอบที่เตรียมอุณหภูมิไว้ล่วงหน้าแล้ว อบเป็นเวลาประมาณ 15 นาที หรือจนสุก
ทดสอบว่ามัฟฟินสุกแล้ว
การดูด้วยตาอาจจะรู้ได้ว่ามัฟฟินที่อบนั้นสุกแล้ว อาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้ วิธีง่ายๆที่นิยมใช้กันคือ ใช้ไม้จิ่มฟัน จิ่มเข้าไปในเนื้อเค้ก หรือมัฟฟินที่อบ ถ้าไม่มีเนื้อแป้งเหนียวติดออกมาก็เป็นอันสุกใช้ได้
นำออกจากเตาวางบนตะแกรง
ขอให้คิดไว้เสมอว่า อย่าใจร้อน ถ้าขนมยังไม่เย็นสนิทแล้วห้ามเก็บใส่กล่องเป็นอันขาด เมื่อนำออกจากเตา ให้วางไว้บนตะแกรงในที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ปล่อยให้มัฟฟินเย็นตัวลงแบบสนิท จะนำเสิร์ฟหรือนำมาเก็บไว้ในตู้เย็นก็สามารถทำได้
การเก็บมัฟฟินที่อบเสร็จแล้ว
มัฟฟินที่อบเสร็จแล้ว และขั้นตอนการผลิตที่สะอาดสามารถเก็บได้หลายวันโดยไม่ต้องแช่เย็น มีวิธีการดังนี้
- เตรียมกล่องเก็บอาหารแบบสูญญากาศ
- นำกระดาษทิชชูแบบหนาเรียบวางลงที่ก้นกล่อง
- วางมัฟฟินที่จะเก็บ ใส่เรียงลงไปไม่ควรเรียงทับซ้อนกัน
- วางกระดาษทิชชู่แบบหนาเรียบ ทับด้านบนอีกชั้นหนึ่ง
- ปิดฝาให้สนิท
การทำตามขั้นตอนนี้โดยทั่วไปสามารถเก็บรักษามัฟฟินไว้ได้หลายวันโดยไม่ต้องแช่เย็น การนำไปแช่เย็นจะทำให้มัฟฟินเสียรสชาติได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องเก็บแบบนานๆหน่อยก็ควรแช่เย็นหรือแช่แข็งได้เลยเช่นกัน ห่อกระดาษและใส่ถุงซิบล็อค วิธีการนี้สามารถเก็บรักษาได้นานกว่า 2 เดือน
การนำมัฟฟินที่แช่แข็งมากิน เพียงนำออกมาวางที่อุณหภูมิห้องให้คลายความเย็น แล้วอุ่นด้วยไมโครเวฟที่ความร้อนต่ำๆเพียงเล็กน้อยก็สามารถกินมัฟฟินอร่อยๆได้แล้ว
สรุป
มัฟฟินเป็นขนมที่ทำไม่ยาก ขั้นตอนไม่ยุ่งยากเลย วัตถุดิบก็น้อย สำคัญอร่อย กินง่าย เก็บรักษาง่าย การหัดทำจึงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับมือใหม่ หากมีปัญหาสามารถสอบถามได้โดยตรง ที่ 0897747566